ฟันขาวแบบง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง
ฟันขาวสดใส เป็นด่านแรกที่ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกประทับใจ แน่นอนว่าฟันที่ดูเหลืองเกินไป ไม่สดใสขาวสะอาด ย่อมไม่ดึงดูดให้ชวนมองเป็นแน่ เรามาดูกัน ว่าเพราะ สาเหตุอะไรบ้าง? ถึงทำให้ฟันของเราดูเหลือง หม่นหมอง ไม่สดใส
ฟันเหลืองเกิดขึ้นจากสาเหตุใด?
โดยปกติ คนเราจะมีฟันขาว เป็นมันวาว แต่ในบางคนจะมีฟันสีเหลืองหรือดำคล้ำ แลดูไม่สวยงาม โดยอาจจะเป็นเพียงบางซี่ หรือทุกๆ ซี่ก็ได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฟัน ของเราไม่ขาว มีอยู่หลายอย่างด้วยกัน คือ...
- รับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีสีเป็นประจำ เช่น ชา กาแฟ การอมลูกอม สูบบุหรี่ ร่วมกับการแปรงฟันที่ไม่สะอาดพอ ทำให้มีคราบอาหาร คราบแบคทีเรีย และ หินปูน มาเกาะติดสะสมทีละน้อยๆ จนเห็นเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล หรือสีดำติดตามซอกฟัน
- เกิดจากฟันผุ ซึ่งมักจะมีสีเหลืองเข้ม หรือสีน้ำตาล โดยเฉพาะฟันที่อยู่ด้านหน้า ทำให้มองเห็นได้ชัดเจน
- เกิดจากฟันตาย ซึ่งหมายถึง ฟันที่ไม่มีเลือด และประสาทฟันมาหล่อเลี้ยง ทำให้ฟันมีสีทึบ ไม่โปร่งเหมือนฟันขาว ซึ่งเป็นฟันที่มีชีวิตอยู่ โดยจะเกิดขึ้นกับฟันที่ผุมากๆ และ ทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน จนลุกลามถึงโพรงประสาทฟัน หรืออาจเกิดขึ้นกับฟันที่ได้รับอุบัติเหตุ หรือถูกกระแทกอย่างแรง จนมีการฉีกขาดของเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงฟัน เมื่อทิ้งไว้นานๆ โดยไม่มีการเอาประสาทฟันเก่าออก ฟันจะยิ่งมีสีคล้ำมากขึ้น
- ฟันมีสีผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด เนื่องมาจากโรคบางอย่าง หรือการได้รับยาบางชนิดมากเกินไป เช่น ยาเตตราไซคลีน ซึ่งการใช้ยาดังกล่าวจะมีผลต่อสีของฟันโดยเฉพาะ ในช่วงที่มีการก่อตัวหรือสร้างฟันเท่านั้น คือ ฟันน้ำนมในเด็กอายุ 3-9 เดือน และฟันแท้ในเด็กอายุ 3-12 ปี ทำให้ฟันแทบทุกซี่มีสีค่อนข้างเหลืองหรือเป็นสีเทาดำ นอกจาก นี้อาจเกิดจากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป จะมีจุดสีน้ำตาลบนฟัน ที่เรียกว่า "ฟันตกกระ"
แล้วมีวิธีไหนบ้าง ที่จะทำให้ฟันขาวขึ้น?
การทำให้ฟันขาวขึ้นได้นั้นมีอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุ และลักษณะของสีฟันที่ผิดปกติไป
- วิธีแรกที่ง่ายมาก ก็คือการแปรงฟันให้สะอาดอย่างทั่วถึงหลังอาหารทุกมื้อ ร่วมกับการไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อขูดหินปูนและขัดฟัน ซึ่งการขัดฟัน จะไม่ทำให้ฟันบางลงอย่างที่บางคนเข้าใจ และถ้าหากมีฟันผุก็สามารถจัดการให้เรียบร้อย โดยในส่วนของฟันหน้า ทันตแพทย์จะทำการกรอส่วนที่ผุ มีสีดำ หรือ สีเหลืองออก แล้วอุดด้วยวัสดุที่มีสีเหมือนฟัน เพียงเท่าก็สามารถมีฟันขาว ดูสะอาดสดใสเหมือนปกติได้แล้ว
- วิธีที่สอง คือ การฟอกฟันขาว ซึ่งสามารถทำได้ทั้งที่คลินิกทันตกรรม และทำด้วยตนเองที่บ้าน
การฟอกฟันขาว คืออะไร?
การฟอกฟันขาว คือ การฟอกสีฟันทั้งปาก ซึ่งได้รับความนิยมจากบุคคลทั่วไป และมีการวิวัฒนาการของยาที่ฟอกฟันขาว ทำให้สามารถใช้ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมาก ขึ้น โดยการฟอกฟันขาวทั้งปาก สามารถทำได้ 2 วิธี
วิธีแรก : เป็นวิธีที่จะต้องทำในคลินิก โดยทันตแพทย์จะใช้สารฟอกสี ซึ่งส่วนใหญ่คือสารประเภท Peroxide ที่มีความเข้มข้น 30-35% ระยะเวลาในการทำในแต่ละครั้ง จะอยู่ที่ ประมาณ 30 นาที - 1 ชม.
วิธีที่สอง : คนไข้สามารถนำสารฟอกสีกลับไปฟอกฟันขาวด้วยตนเองได้ที่บ้าน โดยทันตแพทย์จะเตรียมอุปกรณ์ให้ แต่คนไข้ต้องกลับมาตรวจเป็นระยะ ตามเวลาที่ ทันตแพทย์นัด สารฟอกสีที่ใช้ก็จะเป็นประเภทเดียวกับที่ทำในคลินิก แต่จะมีความเข้มข้นน้อยกว่า คือ ประมาณ 2-10% ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย สำหรับวิธีการฟอกฟันขาว ด้วยตนเองก็ไม่ยากเพียงบีบสารฟอกสีลงในถาดฟันยางที่ทันตแพทย์ทำเฉพาะไว้สำหรับแต่ละราย โดยจำนวนน้ำยาที่ใส่ลงในถาด ควรอยู่ที่ 1 ใน 3 ของถาด แล้วสวมฟันยาง ครอบไว้ วันละ 1-2 ชม. ทุกวัน และจะต้องกลับไปพบทันตแพทย์ตามกำหนดนัด
การฟอกฟันขาวต้องใช้เวลาแค่ไหน?
ระยะเวลาที่ใช้ มักขึ้นอยู่กับสีและคราบคล้ำของฟัน ถ้าฟันมีสีเหลืองไม่มาก ก็อาจสามารถฟอกให้ขาวได้ในเวลา 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าหากฟันมีสีเหลืองเข้ม หรือสีเทาอ่อน ก็อาจ จะต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งหากต้องการให้ฟันขาวมาก อาจต้องใช้เวลาในการฟอกฟันขาวมากขึ้นเป็น 4-5 สัปดาห์
สารฟอกฟันขาวมีอันตรายหรือผลข้างเคียงต่อเหงือกและฟันหรือไม่?
ในการฟอกฟันขาว แน่นอนว่าอาจต้องมีผลข้างเคียงบ้าง โดยเฉพาะชนิดที่ทำในคลินิก เพราะมีความเข้มข้นสูง แต่ทันตแพทย์จะระมัดระวังและป้องกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว สำหรับชนิดทำด้วยตนเองนั้น มีความเข้มข้นน้อย จึงไม่ค่อยมีผลข้างเคียง โดยสารฟอกฟันขาวแบบทำเองนั้น สามารถสลายตัวกลายเป็นน้ำได้อย่างง่ายดาย จึงไม่มี อันตรายต่อผู้ใช้
สำหรับผลข้างเคียงดังกล่าว คือ อาจมีอาการแสบเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากบ้าง เนื่องมากจากการระคายเคืองโดยตรงที่สัมผัสกับน้ำยา และอีกอาการ คือ การ เสียวฟันหลังจากฟอกฟันขาว แต่ประสาทฟันจะมีการป้องกันตนเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งอาการก็จะค่อยๆ ทุเลาลงและหมดไปเมื่อเราหยุดฟอกสี นอกจากนี้ ทันตแพทย์ อาจเคลือบฟันได้ ด้วยการเคลือบฟลูออไรด์ การฟอกฟันขาวทั้งปากจะไม่ทำให้ฟันสึกกร่อนหรืออ่อนแอลงแต่อย่างใด
เมื่อฟอกฟันขาวแล้ว ควรต้องทำซ้ำอีกหรือไม่?
การที่สีของฟันหลังจากฟอกฟันขาวจะกลับมาเหลืองอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพก่อนฟอก ถ้าเดิมสีฟันค่อนข้างคล้ำ โอกาสกลับมาจะเป็นไปได้สูง ภายในระยะเวลา 1-2 ปี แต่การฟอกสีฟันที่สีเหลืองอ่อน ฟันจะขาวได้นานกว่า ประมาณ 3-4 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความระมัดระวังป้องกันการติดสีจากคราบอาหารด้วย และเมื่อสีฟันคล้ำ ลงอีกก็สามารถใช้ยาฟอกสีฟันซ้ำได้อีก
การฟอกฟันขาวแบบถาวร
การทำเคลือบฟัน โดยทันตแพทย์จะกรอแต่งผิวเคลือบฟันด้านหน้าออกเล็กน้อย แล้วปิดทับด้วยวัสดุอุดสีขาว หรือสีเหมือนฟัน ตกแต่งให้ได้รูปร่างสวยงาม ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ ฟันขาวค่อนข้างถาวรกว่าการฟอกฟันขาว แต่ก็ยังมีโอกาสเสื่อมได้ คือ อาจจะมีรอยแตก หรือกระเทาะของวัสดุที่ทำเคลือบ เมื่อใช้อย่างไม่ระมัดระวัง แต่สามารถซ่อมแซม หรือทำใหม่ได้ไม่ยากนัก วิธีนี้โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าการฟอกฟันขาว
การทำครอบฟัน ทันตแพทย์จะกรอแต่งผิวเคลือบฟันออกทั้งซี่ ให้เหลือเป็นแกนแล้วทำฟันปลอมครอบทับลงไปแล้วใช้ซีเมนต์ทันตกรรมปิดให้แน่น ฟันที่ดำหรือแตกบิ่น ก็ สามารถทำครอบที่มีสีสันและรูปร่างให้สวยงามได้ จึงถือว่าเป็นการเปลี่ยนสีฟันได้อย่างถาวร แต่ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าการทำเคลือบฟันและการฟอกฟันขาว
เด็กสามารถฟอกฟันขาวได้หรือไม่?
สามารถทำได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องทำ เพราะโดยปกติเด็กก็จะมีฟันแท้ขึ้นในช่วงอายุประมาณ 6-7 ปี โดยฟันแท้ที่ขึ้นมามักจะมีสีเหลืองกว่าฟันน้ำนมอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ เป็นสีที่เป็นธรรมชาติ จึงไม่จำเป็นต้องฟอกฟันขาว นอกจากรายที่มีความปกติจริงๆ เท่านั้น ถึงสมควรทำ
มีข้อห้ามการฟอกฟันขาวในกรณีใดบ้างหรือไม่?
ข้อห้ามของการฟอกฟันขาวนั้นไม่มี แต่ในบางครั้ง การจะตัดสินใจว่าจะฟอกสีฟันใหม่หรือไม่ ก็จะขึ้นอยู่กับความจำเป็นเช่นกัน โดยบางคนคิดว่าฟันของตัวเองมีสีเหลือง ทั้ง ที่ในความเป็นจริงเป็นเพียงสีโทนปกติของฟัน
การฟอกสีฟันด้วยตนเองด้วยอุปรณ์ตามท้องตลาดนั้น สามารถทำได้เองหรือไม่?
ยาฟอกฟันขาวชนิดที่วางขายตามร้านค้า บุคคลทั่วไปสามารถซื้อไปฟอกเองที่บ้านได้ และยาสีฟันที่ทำให้ฟันขาวก็มีออกมาสู่ท้องตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นประเภทที่นอกเหนือ จากการดูแลของทันตแพทย์ จึงยังไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
เพราะฉะนั้น การเลือกยาสำหรับฟอกฟันขาว จึงควรเลือกที่เหมาะสมและอยู่ภายใต้การแนะนำโดยทันตแพทย์เท่านั้น ควรเลือกที่ได้มาตรฐานตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อให้ ได้ฟันขาวสะอาด สุขภาพดี และปลอดภัยอย่างแท้จริง
*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล